คำถาม: นักเรียนมีหลักปฏิบัติในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้อื่นและสังคม ?
.
.
.
.
คำตอบ: ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องปฏิบัติตามคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต ดังนี้
1. จรรยาบรรณในการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อให้การอยู่ร่วมกันในสังคมอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างสงบสุข
1.1 จรรยาบรรณสำหรับผู้ใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีการรับผิดชอบต่อการใช้อีเมล เนื่องจากมีการรับส่งจดหมายกันอยู่บ่อยๆ หากมีจดหมายจำนวนมากก็ทำการโอนย้ายหรือลบข้อความหรือจดหมายที่ไม่ต้องการทิ้งได้
1.2 จรรยาบรรณสำหรับผู้สนทนาผ่านเครือข่าย ในการสนทนานั้น ผู้สนทนาจะต้องมีมารยาทต่อคู่สนทนา กล่าวคือ ควรสนทนากับผู้ที่รู้จักหรือต้องการที่จะสนทนาด้วย และควรใช้วาจาที่สุภาพให้เกียรติซึ่งกันและกัน
1.3 จรรยาบรรณสำหรับผู้ใช้กระดานข่าวหรือกระดานสนทนา ผู้ใช้บริการควรเขียนเรื่องให้กระชับ ใช้ข้อความสั้นๆ กระทัดรัดและตรงประเด็น เข้าใจง่าย ใช้ภาษาที่สุภาพไม่มีข้อมูลลามกอนาจารไม่ควรเขียนข้อความพาดพิงถึงสถาบันชาติในทางที่ไม่สมควรหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น ควรให้ความสำคัญในเรื่องลิขสิทธิ์ ไม่ควรละเมิดสิทธิของผู้อื่น และไม่ควรใช้เครือข่ายส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตน
นอกจากจะต้องปฏิบัติตามคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ยังต้องปฏิบัติตามหลัก บัญญัติ 10 ประการในการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อให้การใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ดังนี้
1. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายหรือละเมิดสิทธิผู้อื่น
2. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3. ไม่เปิดดูข้อมูลในแฟ้มของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างข้อมูลที่เป็นเท็จ
6. ไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
7. ไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอรืโดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8. ไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
9. คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตน
10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์ดดยเคารพกฎ ระเบียบ กติกา และมารยาทของสังคม
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจึงควรมีคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อให้การใช้อินเทอร์เน็ตมีความเป้นระเบียบเรียบร้อยและเกิดประโยชน์สูงสุด
อ้างอิง : หนังสือเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.5 ^_^
วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.1 ความหมายและองค์ประกอบของเครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer network ) หมายถึง การเชื่อมต่อสัญญาณคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกันโดยใช้สื่อกลางต่างๆ เช่น สายสัญญาณ คลื่นวิทยุ เป็นต้น เพื่อทำให้สามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และทรัพยากรร่วมกันได้ เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
1.2
ฮับ ( Hub )
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เสมือนกับชุมทางข้อมูล
มีหน้าที่เป็นตัวกลางคอยส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
ฮับเป็นตัวกระจายสัญญาณจะสามารถส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายได้ทีละเครื่อง
ฮับจึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
1.3
สวิตช์ ( Switch ) เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณเช่นเดียวกับฮับ
แต่ต่างกัน คือ การรับส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์นั้นจะไม่กระจายไปยังทุกเครื่อง
เนื่องจากสวิตช์จะรับกลุ่มมาตรวจสอบก่อน
แล้วจึงนำข้อมูลนั้นๆส่งไปยังเครื่องปลายทายอย่างอัตโนมัติ
ยังช่วยป้องกันการดักรับข้อมูลที่กระจายไปในเครือข่าย
1.4
โมเด็ม ( Modem )
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเพื่อให้สามารถส่งผ่านสายโทรศัพท์ (
Telephone line ) หรือ สายใยแก้วนำแสง ( Fiber optic cable ) ได้ ทำให้ส่งสัญญาณได้ไกล
1.5
อุปกรณ์จัดเส้นทางหรือเราเตอร์ ( Router )
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมโยงเครือข่ายเข้าด้วยกัน เราเตอร์ทำหน้าที่เลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการส่งผ่านข้อมูล
เพื่อให้การส่งข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
1.6
สายสัญญาณ ( Cable )
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูลมีหลายแบบ เช่น สายโคแอกซ์ (
Coaxial cable ) สายตีเกลียวคู่ แบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน (
UTP ) สายตีเกลียวคู่แบบป้องกันสัญญาณรบกวน
( STP ) และสายใยแก้วนำแสง
2.
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายขนาดเล็ก 2.1
การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ มีคอมพิวเตอร์เครือข่ายไม่เกิน
2 เครื่องต้องมีการ์ดแลนและสายสัญญาณโดยไม่ต้องใช้สวิตช์หรือฮับ
สามารถเชื่อมต่อให้เป็นวงแลนโดยใช้สายไขว้ ( Cross line ) ถ้ามีคอมพิวเตอร์มากกว่า 2 เครื่อง ควรใช้สวิตช์หรือฮับด้วย
2.2
การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกล
2.2.1
แบบที่หนึ่ง คือ ต้องติดตั้งเครื่องทวนสัญญาณ ( Repeater ) ไว้ทุกๆระยะ 100 เมตร
2.2.2
แบบที่สอง คือ ใช้โมเด็มหมุนโทรศัพท์เข้าหากันเมื่อต้องการเชื่อมต่อ
2.2.3
แบบที่สาม เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบัน สายสัญญาณที่เลือกใช้ คือ สายใยแก้วนำแสง
สามารถรับข้อมูลได้ระยะทางไกลและมีความเร็วสูง 2.2.4
แบบที่สี่ คือ ใช้จุดเชื่อมต่อแบบไร้สาย ( Wireless lan )
เป็นการเชื่อมต่อโดยใช้สัญญาณวิทยุทางอากาศแทนการใช้สายโทรศัพท์
เหมาะสำหรับการติกตั้งในพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด 2.2.5
แบบที่ห้า คือ เทคโนโลยี G.SHDSL สามารถช่ายขยายวงของระบบเครือข่าย
เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้ไกลถึง 6 กิเมตร โดยผ่านสายโทรศัพท์ธรรมดา 2.2.6
แบบที่หก คือ เทคโนโลยีแบบ Ethernet over
VDSL เป็นเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบล่าสุดที่สามารถจะติดตั้งใช้งานเองได้
1.3
การเลือกใช้ซอฟแวร์ของระบบเครือข่ายขนาดเล็ก 1.
ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ เซ็นต์โอเอส ( Linux
community enterprise operating system : CentOS ) เป็นซอฟแวร์เปิดเผยโค้ด ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดโค้ดไปใช้งาน
หรือแก้ไขได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ 2.
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิฟเวอร์ ( Windows
server ) ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนระบบเครือข่าย แอพพลิเคชัน และ บริการอื่นๆ ที่มีความทันสมัยบนเว็บไซต์
สามารถพัฒนาให้บริการและจัดการกับแพพลิเคชันต่างๆที่เสริมสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้
เพื่อเพิ่มสมรรถภาพการใช้งานสูงสุด 2. อินเทอร์เน็ต2.1
ความหมายและพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ต
( Internet ) มาจากคำว่า Interconnection
network หมายถึง การใช้ประโยชน์ของระบบเครือข่ายที่นำเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องมาเชื่อมต่อกันโดยผ่านสื่อกลางเช่น
สายโทรศัพท์ ดาวเทียม เป็นต้น เพื่อสื่อสารข้อมูลกัน
โดยอินเทอร์เน็ตเป็นการนำเครือข่ายขนาดเล็กมาเชื่อมต่อกันจนป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมทั่วโลก
โดยมีมาตรฐานการรับส่งข้อมูลระหว่างกันเป็นแบบเดียวกัน 2.2 บริการบนอินเทอร์เน็ต 2.1
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล ( Electronic or e-mail ) เป็นบริการที่ได้รับความนิยมเป้นอย่างมาก
ผู้ใช้สามารถรับส่งข้อความเพื่อติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับบุคคลอื่นๆ
ผู้ส่งและผู้รับจะต้องมีที่อยู่ เรียกว่า อีเมลแอดเดรส ( e-mail address ) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ชื่อผู้ใช้ ( user name )
และ ชื่อโดเมน ( domain name )โดยใช้เครื่องหมาย @ กั้นระหว่างกลาง
การใช้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ มี 2 รูปแบบ ได้แก่
การใช้งานด้วยซอฟแวร์ไคลแอนต์ เช่น ไมโครซอฟต์เอาท์ลุก ( Microsoft Outlook
)
2.2
เมลลิงลิสต์ ( Mailing list ) เป็นเสมือนเครื่องมือที่ใช้กระจายข่าวสารละข้อมูลเฉพาะกลุ่ม
การใช้งานจะเป็นลักษณะของการสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มโดยใช้อีเมลแอดเดรสเป็นสื่อติดต่อและรับข่าวสารต่างๆจากกลุ่ม
2.3
การสื่อสารในเวลาจริง ( Realtime communication ) เป็นการสื่อสารกันที่สามารถโต้ตอบกลับได้ทันทีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สามารถส่งเป็นข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง
โดยผู้ใช้ทั้งผู้รับและผู้ส่งจะต้องเข้าใช้ระบบอินเทอร์เน็ตในเวลาเดียวกันการสื่อสารในเวลาจริง
เช่น แชท ( Chat ) ห้องคุย ( Chat room )
2.4
เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม ( Social
networking web site ) เป็นชุมชนออนไลน์ที่กลุ่มคนรวมกันเป็นสังคม
มีกิจกรรมร่วมกันบนอินเทอร์เน็ต เช่น การทำความรู้จัก การแบ่งปันรูปภาพ วีดิโอ
แสดงความคิดเห็น เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสารกันในปัจจุบัน ตัวอย่างเว็บไซต์ เช่น facebook myspace
hi5 Linkedin GotoKnow เป็นต้น
2.5
บล็อก ( blog ) ย่อมาจาก เว็บบล็อก ( webblog ) เป็นเว็บไซต์ที่ใช้บันทึกเรื่องราว เพื่อสื่อสารความรู้สึก มุมมอง
ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร เรียกว่า ไดอารีออนไลน์ ( diary online ) โดยจะแสดงข้อความที่เขียนล่าสุดไว้บนสุดของเว็บไซต์
2.6
วิกิ ( Wiki ) เป็นรูปแบบการเผยแพร่ข้อมูลที่บุคคลต่างๆที่มีความรู้ในแต่ละเรื่องมาให้ข้อมูล
หรือมาปรับปรุงให้สมบูรณ์ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยข้อมูลที่เผยแพร่จะเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไป
2.7
บริการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ระยะไกล ( Remote
login/telnet ) บริการนี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปทำงานต่างๆได้
ผู้ใช้สามารถสั่งให้คอมพิวเตอร์ที่อยู่ระยะไกลทำงานต่างๆได้ตามที่ต้องการโดยป้อนคำสั่งผ่านทางคอมพิวเตอร์ที่กำลังใช้งานอยู่
2.8
การโอนย้ายข้อมูล ( file transfer protocol : FTP ) เป็นการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์จากอีกเครื่องไปสู่อีกเครื่อง
อาจจะอยู่ใกล้หรือไกลกัน
การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลมีการทำงาน 2 ลักษณะดังนี้ -
get
เป็นการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากเครื่องปลายทางมายังเครื่องต้นทาง ( download )
- put เป็นการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทาง
( upload )
2.9
บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หรือ ยูสเน็ต ( usenet ) มีลักษณะเป็นกลุ่มสนทนา
เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งคล้ายกับการเปิดเวทีสาธารณะให้ผู้คนทั่วโลกแสดงความคิดเห็นร่วมกัน
โดยผู้ใช้สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
2.10
เวิลด์ไวด์เว็บ ( world wide web : WWW ) เรียกย่อๆว่า web เป็นบริการเพื่อการค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
เป็นการให้บริการข้อมูลแบบไฮเปอร์เท็กซ์ ( hypertext ) ซึ่งเป็นวิธีการที่จะเชื่อมโยงข้อมูล
ทำให้การค้นหาครอบคลุมข้อมูลที่ต้องการมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลที่นำเสนอในเว็บประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นข้อมูล
และส่วนที่เป็นตัวเชื่อมลิงค์ (
link ) ผู้ขอใช้บริการจะใช้โปรแกรมที่เรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ (
web browser ) สำหรับเครื่องแม่ข่ายที่ให้บริการข้อมูลเว็บ เรียกว่า
เว็บเซิร์ฟเวอร์ ( web server ) หรือ เว็บไซต์ ( website ) ดปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นเบราเซอร์ที่นิยม
ได้แก่ Internet, Explorer ,Netscape,Communicator,Mozilla Firefox ,Opera เป็นต้น
2.11
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ( electronic commerce : e- commerce
) เป็นการธุรกรรมซื้อขายสินค้าและบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยนำเสนอสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์
ทำให้ผู้ใช้บริการจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงบริการได้ตลอด 24
ชั่วโมงซึ่งจะมีการชะระค่าสินค้าผ่านทางบัตรเครดิต หรือ โอนผ่านธนาคาร
วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจ
ระบบสารสนเทศ(information system) หมายถึง?
- ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมุลนั้นกลายเป็น
สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และถูกต้อง
สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และถูกต้อง
องค์ประกอบของสารสนเทศมีอะไรบ้าง
- ฮาร์ดแวร์ เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบสารสนเทศ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์รอบข้าง รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเป็นเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องกราดตรวจเมื่อพิจารณาเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็น 3 หน่วย คือ
หน่วยรับข้อมูล (input unit) ได้แก่ แผงแป้นอักขระ เมาส์
หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
หน่วยแสดงผล (output unit) ได้แก่ จอภาพ เครื่องพิมพ์
การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์ จะพบว่าคล้ายกัน กล่าวคือ เมื่อมนุษย์ได้รับข้อมูลจากประสาทสัมผัส ก็จะส่งให้สมองในการคิด แล้วสั่งให้มีการโต้ตอบ
หน่วยรับข้อมูล (input unit) ได้แก่ แผงแป้นอักขระ เมาส์
หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
หน่วยแสดงผล (output unit) ได้แก่ จอภาพ เครื่องพิมพ์
การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์ จะพบว่าคล้ายกัน กล่าวคือ เมื่อมนุษย์ได้รับข้อมูลจากประสาทสัมผัส ก็จะส่งให้สมองในการคิด แล้วสั่งให้มีการโต้ตอบ
ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญประการที่สอง ซึ่งก็คือลำดับขั้นตอนของคำสั่งที่จะสั่งงานให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน เพื่อประมวลผลข้อมูลให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการของการใช้งาน ในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติงาน ซอฟต์แวร์ควบคุมระบบงาน ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ประยุกต์สำหรับงานต่างๆ ลักษณะการใช้งานของซอฟต์แวร์ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้จะต้องติดต่อใช้งานโดยใช้ข้อความเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันซอฟต์แวร์มีลักษณะการใช้งานที่ง่ายขึ้น โดยมีรูปแบบการติดต่อที่สื่อความหมายให้เข้าใจง่าย เช่น มีส่วนประสานกราฟิกกับผู้ใช้ที่เรียกว่า กุย (Graphical User Interface : GUI) ส่วนซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีใช้ในท้องตลาดทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ในระดับบุคคลเป็นไปอย่างกว้างขวาง และเริ่มมีลักษณะส่งเสริมการทำงานของกลุ่มมากขึ้น ส่วนงานในระดับองค์กรส่วนใหญ่มักจะมีการพัฒนาระบบตามความต้องการโดยการว่าจ้าง หรือโดยนักคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กร เป็นต้น
ซอฟต์แวร์ คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภท เช่น
1. ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ระบบปฏิบัติการดอส ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น ซอฟต์แวร์กราฟิก ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล
ซอฟต์แวร์ คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภท เช่น
1. ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ระบบปฏิบัติการดอส ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น ซอฟต์แวร์กราฟิก ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล
ข้อมูล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของระบบสารสนเทศ อาจจะเป็นตัวชี้ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของระบบได้ เนื่องจากจะต้องมีการเก็บข้อมูลจากแหล่งกำเนิด ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีการกลั่นกรองและตรวจสอบแล้วเท่านั้นจึงจะมีประโยชน์ ข้อมูลจำเป็นจะต้องมีมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานในระดับกลุ่มหรือระดับองค์กร ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็นระบบระเบียบเพื่อการสืบค้นที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ
บุคลากร บุคลากรในระดับผู้ใช้ ผู้บริหาร ผู้พัฒนาระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็นองค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จของระบบสารสนเทศ บุคลากรมีความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์มากเท่าใดโอกาสที่จะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ได้เต็มศักยภาพและคุ้มค่ายิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะระบบสารสนเทศในระดับบุคคลซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้มีโอกาสพัฒนาความสามารถของตนเองและพัฒนาระบบงานได้เองตามความต้องการ สำหรับระบบสารสนเทศในระดับกลุ่มและองค์กรที่มีความซับซ้อนจะต้องใช้บุคลากรในสาขาคอมพิวเตอร์โดยตรงมาพัฒนาและดูแลระบบงาน
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ที่ชัดเจนของผู้ใช้หรือของบุคลากรที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อได้พัฒนาระบบงานแล้วจำเป็นต้องปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอนในขณะที่ใช้งานก็จำเป็นต้องคำนึงถึงลำดับขั้นตอนการปฏิบัติของคนและความสัมพันธ์กับเครื่อง ทั้งในกรณีปกติและกรณีฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการประมวลผล ขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเครื่องชำรุดหรือข้อมูลสูญหาย และขั้นตอนการทำสำเนาข้อมูลสำรองเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการซักซ้อม มีการเตรียมการ และการทำเอกสารคู่มือการใช้งานที่ชัดเจน
ชนิดของระบบสารสนเทศ
- ระบบจัดทำรายงานสำหรับการจัดการ
ระบบสารสนเทศสำนักงาน
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ระบบสนับสนุนผู้บริหาร
ระบบผู้เชี่ยวชาญ
ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ
ระบบสารสนเทศ
ระบบประมวลผลรายการ
ระบบสารสนเทศสำนักงาน
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ระบบสนับสนุนผู้บริหาร
ระบบผู้เชี่ยวชาญ
ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ
ระบบสารสนเทศ
ระบบประมวลผลรายการ
เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึง
- เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูล
การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้ได้สารสนเทศที่
เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้ได้สารสนเทศที่
เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจมีอยู่กี่ระดับ
1) ระบบสารสนเทศที่ใช้สำหรับการสนับสนุนผู้ตัดสินใจทางการบริหารทั้งที่เป็นตัวบุคคลหรือกลุ่ม โดยการตัดสินใจนั้นจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่มีลักษณะเป็นแบบ ไม่มีโครงสร้าง (unstructured situations) โดยจะมีการนำวิจารณญาณของมนุษย์กับข้อมูล จากคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบในการตัดสินใจ
2) ระบบ DSS ช่วยในการตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อนโดยผู้ใช้สามารถปรับข้อมูลใน DSS ได้ตลอดเวลาเพื่อจัดการกับเงื่อนไขต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้การวิเคราะห์ที่เรียกว่า Sensitivity Analysis
3) ช่วยในการตัดสินใจที่ต้องการความรวดเร็วสูง เพื่อใช้ประกอบในการกำหนดกลยุทธ์ในการแข่งขัน ดังนั้น DSS จึงมีลักษณะการโต้ตอบได้ (interactive)
4) เสนอทางวิเคราะห์ในทางเลือกต่างๆ ในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน
5) จัดการเก็บข้อมูลซึ่งมาจากหลายแหล่งได้ ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน
6) นำเสนอได้ทั้งรายงานที่เป็นข้อความและกราฟฟิค
2) ระบบ DSS ช่วยในการตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อนโดยผู้ใช้สามารถปรับข้อมูลใน DSS ได้ตลอดเวลาเพื่อจัดการกับเงื่อนไขต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้การวิเคราะห์ที่เรียกว่า Sensitivity Analysis
3) ช่วยในการตัดสินใจที่ต้องการความรวดเร็วสูง เพื่อใช้ประกอบในการกำหนดกลยุทธ์ในการแข่งขัน ดังนั้น DSS จึงมีลักษณะการโต้ตอบได้ (interactive)
4) เสนอทางวิเคราะห์ในทางเลือกต่างๆ ในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน
5) จัดการเก็บข้อมูลซึ่งมาจากหลายแหล่งได้ ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน
6) นำเสนอได้ทั้งรายงานที่เป็นข้อความและกราฟฟิค
สรุประบบสารสนเทศ คือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประโยชน์ในด้านต่างๆช่วยในการตัดสินใจประมวลผลและทำให้งานเสร็จไปอย่างรวดเร็ว
องค์ประกอบของสารสนเทศมี5อย่างดังนี้ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคคลากร และขั้นตอนการปฎิบัติงาน
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556
รู้จักผู้เขียนกันเถอะ ^^
About me :)
My name's kanchana taddee.
My nickname's mook.
I'm friendly.
I'm 17years old.
I was born 23 june 1996.
I'm student m.5/5 ( Eis program )at Bangbowitthayakhom School.
I like dog and cat.
My favourite subject is Chemistry.
My favourite food is noodle.
I want to be Pharmacist.
* บล็อกนี้สร้างขึ้นเพื่อแนะนำเราเองน้า ยินดีที่ได้รู้จักน้า^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)